Here are some fun and intriguing facts about Halloween that you can share with friends, family, or during Halloween-themed events:
Fact 1: Origins in Samhain:
เริ่มต้นมาจากวันฉลองปีใหม่ของชาวเซลท์ (Celt) ชนพื้นเมืองซึ่งอาศัยอยู่เมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้วในอังกฤษ ไอร์แลนด์ และฝรั่งเศสตอนเหนือ ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 1 พฤศจิกายน เพื่อเฉลิมฉลองเทพเจ้าแห่งความตาย (Samhain)
Fact 2: First Jack-o’-Lanterns:
โคมไฟฟักทอง (Jack-o’-Lanterns) โคมไฟแจ็คโอแลนเทิร์น เป็นสัญลักษณ์สำคัญของวันฮาโลวีน โคมไฟนี้ทำจากฟักทองที่ถูกแกะสลักเป็นใบหน้าที่น่ากลัวแล้วนำเทียนไปวางไว้ข้างใน ทำให้เกิดแสงสว่างในที่มืด แรกเริ่มทำจากหัวผักกาดและ มันฝรั่งในไอร์แลนด์ ไม่ใช่ฟักทอง จนกระทั่งผู้อพยพชาวไอริชมาถึงอเมริกา ฟักทองจึงกลายเป็นพืชที่ได้รับความนิยมในการแกะสลัก
ตำนานเล่าว่า ต้นกำเนิดของแจ็คโอแลนเทิร์นมาจากเรื่องของ “แจ็คจอมขี้โกง” ชายคนหนึ่งที่หลอกล่อซาตานและจบลงด้วยการถูกสาปให้ถือโคมไฟที่ทำจากหัวผักกาดเดินทางไปตลอดกาล หลังจากการย้ายถิ่นฐานมายังอเมริกา ฟักทองกลายมาเป็นพืชที่เหมาะสมกว่าในการทำโคมไฟนี้ ซึ่งกลายเป็นประเพณีของวันฮาโลวีนในปัจจุบัน
Fact 3: The Largest Pumpkin in the world:
สถิติโลกสำหรับฟักทองที่ใหญ่ที่สุดถูกบันทึกในปี 2023 น้ำหนัก 2,749 ปอนด์! โดยฟักทองนี้ถูกปลูกโดย Travis Gienger
Fact 4: Trick-or-Treating:
การ Trick-or-Treating มีรากฐานมาจากประเพณีในยุคกลางที่เรียกว่า “souling” ซึ่งคนยากจนจะไปเคาะประตูขออาหารในคืน All Hallows’ Eve เพื่อแลกกับการสวดมนต์ให้ผู้ตาย
เด็กยากจนในยุโรปยุคกลางเป็นกลุ่มแรกที่เริ่มต้นกิจกรรมคล้ายกับ “trick-or-treat” พวกเขาเข้าร่วมประเพณีที่เรียกว่า “souling” ในช่วงเทศกาล Samhain ของชาวเซลติก ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 31 ตุลาคม ในคืน All Hallows’ Eve นี้ เด็ก ๆ จะเดินไปตามบ้านเพื่อขออาหารและเงิน ในการแลกเปลี่ยน พวกเขาจะสวดภาวนาให้กับดวงวิญญาณของญาติที่เพิ่งเสียชีวิตของเพื่อนบ้าน การแลกเปลี่ยนนี้ถือว่าเป็นการช่วยให้วิญญาณของผู้ล่วงลับได้รับความสงบ ประเพณีนี้ต่อมาได้พัฒนาเป็นการ trick-or-treat ในวันฮาโลวีนที่เรารู้จักในปัจจุบัน
Fact 5: Spooky Colors:
สีที่เป็นสัญลักษณ์ของวันฮาโลวีนคือ สีส้มและสีดำ
- สีส้ม หมายถึง การเก็บเกี่ยว
- สีนี้มีความเกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งกับฤดูใบไม้ร่วงและเป็นตัวแทนของความอบอุ่นและการเก็บเกี่ยว รวมถึงฟักทองที่เป็นภาพลักษณ์หลักของฮาโลวีน
- สีดำ หมายถึง ความตาย
- สีดำเชื่อมโยงกับความตาย ความมืด และเหนือธรรมชาติ สีดำจึงเป็นตัวแทนของสิ่งที่ซ่อนเร้น ซึ่งสะท้อนถึงความกลัวของสิ่งที่อาจอยู่ในเงามืด ความสัมพันธ์กับกลางคืนและการไม่มีแสงทำให้มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย หรือ ความลึกลับ ในวันฮาโลวีน สีดำมักใช้ในการสร้างบรรยากาศที่น่ากลัว
เมื่อใช้ร่วมกัน สี ดำ และ ส้ม สร้างสีสันที่เป็นเอกลักษณ์ของวันฮาโลวีน ซึ่งผสมผสานทั้งความลึกลับและความอบอุ่นของฤดูใบไม้ร่วง สีดำเป็นตัวแทนของความน่ากลัว ในขณะที่สีส้มเป็นสัญลักษณ์ของความสนุกสนานและความอบอุ่นในฤดูเก็บเกี่ยว
Fact 6: Halloween in Mexico:
ในเม็กซิโก ฮาโลวีนมีเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับเทศกาล Día de los Muertos (วันแห่งผู้ตาย) ซึ่งเป็นเทศกาลที่ให้เกียรติแก่ผู้ที่ล่วงลับด้วยการตั้งแท่นบูชา ตกแต่งด้วยดอกดาวเรือง และเฉลิมฉลองอย่างมีสีสัน
วันแห่งความตาย (Día de los Muertos) จะมีการเฉลิมฉลองในวันที่ 1 และ 2 พฤศจิกายน และมีต้นกำเนิดมาจากประเพณีโบราณของชาวแอซเท็ก ในยุคของจักรวรรดิแอซเท็กมีการเฉลิมฉลองให้กับ Mictēcacihuātl เทพีแห่ง Mictlān (โลกใต้พิภพ) ผู้คุ้มครองดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับ ชาวแอซเท็กเชื่อว่า หลังจากที่คนตายไปแล้ว ดวงวิญญาณต้องเดินทางผ่าน 9 ด่านที่ยากลำบาก ในโลกหลังความตายก่อนที่จะไปถึงจุดพักผ่อนชั่วนิรันดร์
ในยุคนั้น ครอบครัวของผู้เสียชีวิตจะทิ้งเครื่องบูชาหรือที่เรียกว่า ofrendas ไว้ที่หลุมศพและแท่นบูชา สิ่งเหล่านี้ประกอบด้วยเครื่องมือ อาหาร และน้ำ เพื่อช่วยให้คนรักของพวกเขาเดินทางในโลกหลังความตายได้สะดวก แม้ในสมัยนั้นเทศกาลนี้จะเกิดขึ้นในช่วง เดือนสิงหาคม แต่หลังจากการเข้ามาของชาวสเปน การเฉลิมฉลองนี้ได้รวมเข้ากับประเพณีคริสเตียน เช่น วัน All Saints’ Day และ วัน All Souls’ Day จนกลายเป็นเทศกาลในเดือนพฤศจิกายนตามที่รู้จักในปัจจุบัน
ทุกวันนี้ ครอบครัวในเม็กซิโกและหลายพื้นที่ทั่วโลกยังคงสร้างแท่นบูชาที่เต็มไปด้วยดอกไม้ ภาพถ่าย และอาหารที่ผู้ล่วงลับชื่นชอบ เป็นการเฉลิมฉลองที่สดใสและเต็มไปด้วยความสุขในการระลึกถึงคนตาย
ในเม็กซิโก วันฮาโลวีนเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในกลุ่มเด็ก ๆ ซึ่งพวกเขาจะร่วมกิจกรรม trick-or-treating เหมือนกับในสหรัฐ เด็ก ๆ จะใส่ชุดแฟนซีและเดินไปตามบ้านในชุมชนเพื่อขอขนม เมื่อถึงหน้าบ้านแต่ละหลัง พวกเขาจะตะโกนว่า “¡Queremos Halloween!” ซึ่งแปลว่า “พวกเราต้องการฮาโลวีน” หรือเป็นคำขอขนมในรูปแบบที่สนุกสนาน
แม้ว่าฮาโลวีนจะได้รับความนิยม แต่ก็ถูกเฉลิมฉลองควบคู่ไปกับเทศกาลดั้งเดิมของเม็กซิโกอย่าง Día de los Muertos หรือวันแห่งความตาย ซึ่งเน้นการระลึกถึงผู้ล่วงลับผ่านการตั้งแท่นบูชา อาหาร และการเฉลิมฉลอง แต่สำหรับฮาโลวีน เด็ก ๆ จะมีความสุขกับการแต่งตัวและเก็บขนมในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน
Fact 7: Witchcraft and Black Cats:
ความเกี่ยวข้องของแมวดำกับเวทมนตร์ แมวดำมักถูกเชื่อมโยงกับคาถาและความเชื่อโชคลาง ในยุคกลางที่มีความเชื่อว่าแมวดำเป็นผู้ช่วยของแม่มดและนำความโชคร้ายมาให้
บริบททางประวัติศาสตร์: ในยุคกลาง โดยเฉพาะในศตวรรษที่ 15 ถึง 17 การล่าหญิงแม่มดเป็นเรื่องที่แพร่หลายในยุโรป ผู้คนจำนวนมากเชื่อว่าหญิงแม่มดมีความสามารถในการใช้เวทมนตร์และสื่อสารกับวิญญาณชั่วร้าย ความกลัวต่อหญิงแม่มดเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดการสอบสวนและการประหารชีวิตหลายคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด การล่าหญิงแม่มดเหล่านี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของคืนฮาโลวีนที่มีความเชื่อว่าสิ่งเหนือธรรมชาติมักเกิดขึ้นได้มากขึ้น
แมวดำถือเป็นสัญลักษณ์ของโชคร้าย ความเชื่อมโยงของแมวดำกับเวทมนตร์ย้อนกลับไปถึงยุคกลาง มีความเชื่อว่าหญิงแม่มดสามารถแปลงร่างเป็นแมวดำได้หรือว่าแมวดำเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นสัตว์เลี้ยงที่มีพลังเหนือธรรมชาติ ดังนั้น แมวดำจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของโชคร้ายและมักถูกหวาดกลัว โดยเฉพาะในช่วงฮาโลวีน
ในบางวัฒนธรรม แมวดำถือเป็นลางหรือสารจากโลกวิญญาณ ตัวอย่างเช่น ในบางนิทานพื้นบ้านกล่าวว่า ถ้าแมวดำเดินผ่านทางคุณ อาจเป็นการบ่งบอกถึงโชคร้ายที่จะมาถึง ซึ่งทำให้ความเชื่อมโยงของแมวดำกับสิ่งเหนือธรรมชาติและเวทมนตร์มีความลึกซึ้งมากขึ้น
Fact 8: Costume Trends:
ต้นกำเนิดของชุดฮาโลวีนอาจย้อนกลับไปได้มากกว่า 2,000 ปี
- ต้นศตวรรษที่ 20 ชุดฮัลโลวีนของนั้นดูน่าสะพรึงและน่ากลัว ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากฐานรากของ Pagan ที่มักจะมีพิธีกรรมการบูชายัญภูติผีปีศาจ
- ยุค 1920s และ 1930s เทศกาลฮาโลวีนนั้นเริ่มสนุกมาก ได้เห็นการกำเนิดของเครื่องแต่งกายและคอสตูมที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Pop Culture ในยุคนี้ชุดฮาโลวีนเริ่มถูกผลิตเชิงพาณิชย์ ทำให้เด็กและผู้ใหญ่สามารถมีส่วนร่วมในเทศกาลได้ง่ายขึ้น แนวโน้มการแต่งตัวจึงเปลี่ยนไปจากชุดดั้งเดิมไปสู่ธีมที่เล่นสนุกและมีจินตนาการมากขึ้น
- หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ฮาโลวีนกลายเป็นวันหยุดที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในสหรัฐอเมริกา งานปาร์ตี้ที่แต่งกายฮาโลวีนเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น และความหลากหลายของชุดที่มีให้เลือกก็ขยายตัวขึ้นรวมถึงตัวละครยอดนิยมจากภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ และวรรณกรรม
- กลางยุค 1940s เป็นการถือกำเนิดคอสตูมแนวแฟนซีแรกๆ
ประวัติของชุดฮาโลวีนสะท้อนถึงการผสมผสานของอิทธิพลทางวัฒนธรรม บรรทัดฐานทางสังคมที่เปลี่ยนแปลง และทัศนคติต่อความตายและสิ่งเหนือธรรมชาติ ทำให้ชุดในปัจจุบันยังคงเป็นส่วนสำคัญของการเฉลิมฉลองฮาโลวีนทั่วโลก
Fact 9: Halloween Spending:
ฮาโลวีนกลายเป็นวันหยุดที่มีการใช้จ่ายอย่างมาก โดยในปี 2023 ชาวอเมริกันใช้จ่ายไปประมาณ $12.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งทำลายสถิติและเพิ่มขึ้นจากปี 2022 ที่มียอดใช้จ่าย 10.6 พันล้านดอลลาร์
การเติบโตของค่าใช้จ่ายเหล่านี้สะท้อนถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของเทศกาลฮาโลวีน
Fact 10: Haunted Houses:
ช่วงต้นศตวรรษที่ 19 มารี ทุสโซถือเป็นเจ้าแรกๆ ที่สร้างบ้านผีสิงให้คนได้เข้าไปสนุกกัน
การเกิดขึ้นของบ้านผีสิงเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมฮาโลวีนของอเมริกา ก่อนที่จะกลายเป็นบ้านผีอย่างเป็นรูปธรรมในสวนสนุก Disney ของอเมริกา
ปี 1969 ดิสนีย์แลนด์ตัดสินใจสร้าง Haunted Mansion ของตัวเองขึ้นมา ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนภาพของบ้านผีให้กลายเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ในปัจจุบัน บ้านผีสิงมีหลายรูปแบบ ตั้งแต่กิจกรรมที่จัดโดยชุมชนไปจนถึงสถานที่ท่องเที่ยวเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ โดยมักมีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น อนิมาทรอนิกส์ สภาพแวดล้อมที่ดื่มด่ำ และองค์ประกอบของความเป็นจริงเสมือน เพื่อเสริมประสบการณ์
ในช่วงการระบาดของ COVID-19 การเพิ่มขึ้นของแพลตฟอร์มดิจิทัลนำไปสู่การสร้างประสบการณ์บ้านผีสิงเสมือนจริง ทำให้ผู้คนสามารถเพลิดเพลินกับสถานที่ท่องเที่ยวบ้านผีสิงแบบออนไลน์จากที่บ้าน
Fact 11: Candy Corn:
ลูกกวาดข้าวโพด (Candy Corn) ลูกกวาดประจำวันฮัลโลวีนที่นิยมมาก ถูกคิดค้นขึ้นในปี 1880 และในตอนแรกถูกเรียกว่า “อาหารไก่”
Candy corn นี้มีรสชาติคล้ายคลึงกับอาหารไก่เสียจนแยกไม่ออกเลยเชียว ต่อมาด้วยรูปร่างหน้าตาที่ดูคล้ายกับข้าวโพด ผู้คนเลยเริ่มเรียก ลูกกวาดหน้าตาแบบนี้ว่า “Candy Corn” มาจนถึงทุกวันนี้
Fact 12: Global Celebrations:
ฮาโลวีนจะได้รับความนิยมมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา แต่หลายประเทศก็มีการเฉลิมฉลองฮาโลวีน
- England: Mischief Night
- Germany: Halloween auf Deutsch
- Belgium: Halloween (or All Saint’s Day)
- Austria: Pumpkin Festival (Kürbisfest im Retzer Land)
- Latin America/Mexico/Spain: Day of the Dead (or Dia de los Muertos)
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.