ภาษาญี่ปุ่นง่ายๆตอนที่9: เรื่อง “เหี้ย เหี้ย ” ในประเทศญี่ปุ่น

Submitted by hikuma

สวัสดีครับ คุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน 

ก็ห่างหายจากบล๊อกนี้ไปหลายเดือนกลับมาดูอีกครั้งก็เห็นว่ามียอดผู้อ่านมากพอสมควร

และดูเหมือนมีคนที่อาจจะไม่เคยเรียนรู้เกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่น แต่เข้ามาอ่านโดยบังเอิญ

ผมจึงเห็นว่า อาจจะจำเป็นที่ต้องเอาคำที่ คนที่อยู่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่ จะรู้แล้ว แต่บางคนอาจ

จะไม่รู้มาเล่าต่ออีกครั้ง

สำหรับคำที่ผมจะเสนอในวันนี้ คิดว่าน่าจะเป็นภาษาญี่ปุ่นคำแรกๆ เลยที่ผมพูดได้  และ

ทำให้ผมมีชีวิตรอดอยู่มาได้ทุกวันนี้  และคำๆ นีั้ หากใครเคยมาเที่ยวญี่ปุ่น ก็น่าจะได้ยิน

ได้ฟังมาแล้ว

ภาษาเป็นสิ่งที่ดิ้นได้ บางยุคคำหนึ่งคำ อาจเป็นคำหยาบ แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป คำนั้น

อาจจะไม่ใช่คำหยาบก็ได้    ผู้ที่เจริญแล้วและไม่ติดกับอดีตมากเกินไปย่อมที่จะแยกแยะได้

โลกเราไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน  สิ่งที่เราเห็นว่าดีในปัจจุบัน อาจไม่ดีในอนาคต   หรือสิ่งที่ดีใน

อดีตอาจไม่จำเป็นต้องดีเสมอไปในปัจจุบัน 

ภาษาก็เหมือนกัน  ภาษาที่เราบอกว่าเพราะในเมืองไทย อาจจะไม่จำเป็นต้องเพราะในประเทศ

อื่นๆ  ภาษาเป็นแค่เครื่องมือ ที่ช่วยให้เราสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้  และภาษาเป็นสิ่งที่

แปรเปลี่ยนไปได้เสมอ  สาธุชนทั้งหลาย จงโปรดอย่ายึดติด 

……

อ้าว เขียนไปเขียนมาชักงง ไม่รู้จะเขียนอะไรดี   พาออกทะเล ออกอ่าวไปซะแล้ว

แต่มองในแง่ดี อาจจะหมายถึง การชักแม่น้ำทั้งห้า  เพื่อให้กองบรรณาธิการลองดู

อนุญาติเป็นพิเศษ  ให้บทความนี้ สามารถใช้ คำที่ถูก ห้ามเอาไว้ได้ 

….

หรือนี่อาจจะเป็นบทความที่เป็นตัวแทนของบทความประเภทน้ำท่วมทุ่งไม่มีความหมาย

อะไรก็ได้   แต่ใครจะว่าอย่างไรก็ช่างเถอะ  ในเมื่อบทความนี้ผมเองก็เขียนเล่นๆ เพื่อ

บันทึกความทรงจำในยามว่างๆ ในประเทศญี่ปุ่น

…..

เอ้ามาเข้าเรื่องอย่างเป็นจริงเป็นจังเสียที แต่ก่อนที่จะมารู้จักคำที่จะแนะนำ

เรามาดูสถานการณ์ที่คำคำนั้นถูกนำมาใช้กันก่อนดีกว่า

สถานการณ์ที่ใช้

นายแดง  กำลังกินข้าวอยู่ร้านขายข้าวแกงอยู่   อากาศของญี่ปุ่นวันนี้ร้อนเป็นพิเศษ 

เมื่อกินข้าวไปสักพัก  นายแดงก็ยกมือขึ้น   พร้อมตะโกนออกไปว่า  

“เหี้ย”   

นายเหลือง  เพื่อนของนายแดง ซึ่งเป็นคนไทยรู้สึกตกใจมาก

และก็เตรียมรับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้น 

แม้นายเหลืองจะไม่ชอบนายแดงมากนัก  แต่เนื่องจากทั้งสองคนทำงาน

บริษัทเดียวกัน  และบริษัทส่งให้มาฝึกงานที่ญี่ปุ่นด้วยกัน   ตอนมาอยู่ต่างแดน

ทั้งสองคนจึงเก็บความเห็น ความชอบที่แตกต่างกันไว้  และมักไปไหนมาไหนด้วยกัน

นายเหลืองพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้เลย  ส่วนนายแดงพูดภาษาญี่ปุ่นได้เล็กน้อย

……

ดูเหมือนคนขายของในร้านจะไม่ค่อยได้ยิน ที่นายแดงพูด 

นายแดงก็เลยพูดซ้ำอีกครั้ง       “เหี้ย”       “เหี้ย “

นายเหลืองเห็นนายแดงพูดขนาดนั้น ก็รู้สึกหน้าเสีย  แต่ก็เตรียมอกเตรียมใจแล้วว่า

หากเกิดอะไรขึ้น เขาก็คงต้องช่วยเหลือนายแดง  เพราะสถานการณ์เช่นนี้หากไทยไม่ช่วยไทย

ก็คงไม่มีใครช่วยไทย

คนขายของเดินปรี่เข้ามาหานายแดง

แล้วพูดเหมือนกับจะยืนยันว่า สิ่งที่เขาได้ยิน

เมื่อกี๊ถูกต้องหรือไม่

 “อ้อ …เหี้ย เหี้ย? “

………..

สักพัก คนขายคนเก่าก็เดินกลับมา พร้อมกับน้ำเย็นหนึ่งแก้ว

……..

อากาศในร้านวันนี้ร้อนมาก  เมื่อน้ำเย็นแก้วแรกออกมา 

เสียงร้องเรียก  “เหี้ย   เหี้ย ”  ก็ดังอยู่อย่างไม่ขาดสาย

เอวัง

………………………………

สรุป ภาษาญี่ปุ่นประจำวันนี้คือ คำว่า “น้ำ”

หากมาญี่ปุ่นอยากจะดื่มน้ำ เราก็บอกว่า อยากดื่ม “เหี้ย”

เนื่องจากร้านในญี่ปุ่นค่อนข้างเล้กหากคนเยอะอาจฟังไม่ชัด

เราต้องตะโกน ให้ดังๆๆ     แต่ตอนตะโกนก็ต้องระวังด้วยว่า ในร้าน

อาจจะมีคนไทยคนอื่น ที่ไม่รู้จักกันอยู่ด้วยหรือไม่ เผลอๆ อาจจะมีเด็กเสริพท์เป็นคนไทย ก็ควร

จะระวังให้ดี

คำว่า “เหี้ย”  ปกติ  จะหมายถึง น้ำเปล่า  หรือ น้ำเย็น

ในภาษาญี่ปุ่น  คำว่า “เหี้ย” เป็นภาษาทั่วไป ที่ใช้ขอน้ำดื่มตามร้านอาหารทั่วไป

แต่ถ้าจะให้สุภาพหน่อย คนญี่ปุ่นก็จะพูดว่า

“โอ้!  เหี้ย  ” 

…..

คำว่า “โอ้”  เป็นคำที่เอาไว้นำหน้า คำนาม เมื่อต้องการให้คำนามนั้นอยู่ในขั้นที่สุภาพขึ้น

เช่น คำว่า น้ำ โดยปกติ  จะเรียก ว่า “เหี้ย”   แต่ เมื่อทำให้สุภาพ   ก็เติมคำว่า “โอ้” ไว้หน้าคำว่า

“เหี้ย”   รวมแล้ว ก็จะได้ คำว่า  “โอ้!  เหี้ย  ” 

……

ปีนี้๊ญี่ปุ่นร้อนกว่าปกติ  ตอนที่นั่งเขียนบล๊อกนี้ก็ต้องถอดเสื้อนั่งเขียนพร้อมเปิด

พัดลมเป่าจึงหายร้อน

เขียนไปเขียนมา คอชักจะแห้งแล้วสิ

ที่รักจ๋า

“เหี้ย”  

ภาพภูเขาไฟในฮอกไกโด

(http://www.yeepoon.com)

Loading